top of page

Stem Cell คืออะไร?

เซลล์ที่สามารถแบ่งตัวเองได้อย่างไม่จำกัด เพื่อที่จะเข้าไปแทนที่เซลล์ต่างๆ ในร่างกายที่เสื่อมสภาพลง Stem Cell เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินบ่อยๆ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ทราบว่า Stem Cell คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร ดังนั้นเราจะมาทำความเข้าใจและรู้จักกับสเต็มเซลล์ให้มากขึ้น ซึ่งก็ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสเต็มเซลล์มาบอกต่อกันดังนี้


Stem Cell คืออะไร?

สเต็มเซลล์หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งตามความเข้าใจก็คือเซลล์ต้นกำเนิดนั่นเอง โดยเซลล์ชนิดนี้จะมีอยู่แทบทุกส่วนในร่างกายของคนเราสามารถแบ่งตัวเองได้อย่างไม่จำกัด เพื่อที่จะเข้าไปแทนที่เซลล์ต่างๆในร่างกายที่เสื่อมสภาพลง ทำให้ร่างกายมีการฟื้นฟูและเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้นซึ่งก็สามารถพบได้ทุกช่วงเวลาของการเจริญเติบโตในสิ่งมีชีวิตเลยทีเดียว

Stem Call มีกี่ประเภท?

สเต็มเซลล์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ โดยแต่ละประเภทก็จะมีต้นกำเนิดและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ได้แก่


1.เซลล์ต้นกำเนิดที่แยกได้จากตัวอ่อน

Stemcell ประเภทนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ต่างๆ ได้เกือบทุกชนิดในร่างกาย จึงสามารถเข้าไปทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพได้ทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นสมอง ผิวหนัง กล้ามเนื้อ หัวใจหรือเซลล์เม็ดเลือด เป็นต้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมร่างกายของคนเรามักจะฟื้นตัวได้เร็วอยู่เสมอ แถมทางการแพทย์ก็มีการนำสเต็มเซลล์มาใช้เพื่อรักษาโรคบางชนิดอีกด้วย

2.เซลล์ต้นกำเนิดที่แยกได้จากสิ่งมีชีวิตโตเต็มวัย

เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นเซลล์เนื้อเยื่อนั้นๆ ได้เท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์อื่นๆ ในร่างกายได้ ซึ่งก็มีคุณสมบัติที่ด้อยกว่าสเต็มเซลล์แบบแรกพอสมควร ตัวอย่างสเต็มเซลล์ประเภทนี้ เช่น สเต็มเซลล์ของเลือด ก็จะเปลี่ยนเป็นเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด หรือสเต็มเซลล์ของผิวหนัง ก็จะเปลี่ยนเป็นเซลล์ผิวนั่นเอง

Stem Cell ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคชนิดใดบ้าง?

สำหรับการนำสเต็มเซลล์มาใช้ในการรักษาโรคทางการแพทย์ได้อนุญาตให้นำมาใช้รักษาโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบเลือดเท่านั้น ส่วนโรคอื่นๆ ยังไม่มีผลการวิจัยที่แน่นอน


ซึ่งก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลองและศึกษาวิจัยทางคลินิกแต่คาดว่าในอนาคตจะสามารถนำสเต็มเซลล์มารักษาโรคอื่นๆ ได้มากขึ้น

โดยโรคที่นิยมนำสเต็มเซลล์มารักษาในปัจจุบันได้แก่

  •  โรคลูคีเมีย 

  • โรคทาลัสซีเมีย 

  • โรคจากภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด 

  • มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต้านม มะเร็งไต เป็นต้น 

  • ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก 

  • โรคเอสแอลอี 

  • โรคไขกระดูกฝ่อที่เกิดภายหลัง 

  • ฯลฯ

จำเป็นต้องเก็บสเต็มเซลล์ของตนเองไว้ไหม?

หลายคนมีความคิดว่าควรเก็บสเต็มเซลล์ของตนเองโดยการแช่แข็งเอาไว้เพื่อใช้สำหรับรักษาตัวเองในอนาคต แต่ความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องเก็บ Stem Cell ของตนเองไว้เสมอไป เพราะแพทย์สามารถเก็บเซลล์ในร่างกายของผู้ป่วยได้ทุกช่วงเวลาและนำมาใช้ได้ทันทีนั่นเอง นอกจากนี้โดยส่วนมากแล้วในการรักษาจะไม่นิยมใช้สเต็มเซลล์ของตัวผู้ป่วยเองแต่จะใช้สเต็มเซลล์ที่ได้จากผู้บริจาครายอื่นที่มีความสมบูรณ์แบบมากกว่า นั่นก็เพราะสเต็มเซลล์ที่ได้จากผู้ป่วยอาจมีความผิดปกติทางพันธุกรรมในระบบเลือดแฝงอยู่ทำให้ผลการรักษาไม่เป็นไปดั่งที่ต้องการและอาจทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิมได้ สเต็มเซลล์จากสายสะดือทารกจำเป็นหรือไม่? ในอดีต สเต็มเซลล์ที่ได้จากสะดือทารกมีความจำเป็นมากเพราะเป็นสเต็มเซลล์ต้นกำเนิดที่แยกได้จากตัวอ่อน จึงมีคุณสมบัติในการแปลงเป็นเซลล์ต่างๆ ในร่างกายเพื่อเข้าไปแทนที่เซลล์ที่เสื่อมสภาพได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากในปัจจุบันสามารถสร้างเซลล์ตัวอ่อนเฉพาะบุคคลในช่วงวัยใดก็ได้และมีคุณสมบัติที่ไม่แตกต่างกัน จึงไม่จำเป็นต้องเก็บ Stem Cell จากสะดือของทารกต่อไป โดยกระบวนการดังกล่าวเรียกว่า IPS cell นั่นเอง



ข้อดีและข้อเสียของ Stem Cell

แม้ว่าจะเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่สามารถฟื้นฟูร่างกายและซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอได้ดี แต่การนำสเต็มเซลล์มาใช้ประโยชน์ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน ได้แก่

ข้อดี

  1. การรักษาโรคด้วยสเต็มเซลล์จะให้ผลลัพธ์ในระยะยาวซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่รักษาจนหายขาดแล้วจะไม่กลับมาเป็นโรคเดิมอีก

  2. สเต็มเซลล์สามารถแปลงตัวเองและเข้าไปแทนที่เซลล์ต่างๆในร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม โดยไม่ต้องใช้สารกระตุ้นใดๆ ทั้งสิ้น

  3. สเต็มเซลล์ที่ได้รับการพัฒนาแล้วจะสามารถนำมาใช้เพื่อชะลอความแก่ได้

  4. ช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรสำหรับผู้ที่มีบุตรยากหรือมีปัญหาสุขภาพที่เป็นอุปสรรคต่อการมีบุตร

ข้อเสีย

  1. มีราคาค่อนข้างแพง การจะรักษาด้วยสเต็มเซลล์จึงต้องมีงบประมาณสูงมาก

  2. ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญด้านการรักษาด้วยสเต็มเซลล์โดยเฉพาะ เพราะมีความเสี่ยงต่อการผิดพลาดสูงมาก

สรุปได้ว่า Stem Cell ก็คือเซลล์ต้นกำเนิดชนิดหนึ่งที่อยู่ในร่างกายของคนเราสามารถนำมารักษาโรคต่างๆ เกี่ยวกับระบบเลือดได้และยังมีข้อดีอีกมากมายอีกด้วย แต่ในปัจจุบันนี้การนำสเต็มเซลล์มาใช้ประโยชน์ยังไม่เต็มที่มากนักเนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยค้นคว้า ซึ่งคาดว่าในอนาคตคงจะสามารถนำสเต็มเซลล์มารักษาโรคอื่นๆ ได้มากขึ้น



#naara #naara #collagen #collagen #naaracollagen #naaracollagen #นาร่า #นาร่า #นาร่าคอลลาเจน #นาร่าคอลลาเจน #คอลลาเจน #คอลลาเจน #เล็บขบ #เล็บขบ #เล็บบาง #เล็บบาง #เล็บฉีก #เล็บฉีก #เล็บเอกเสบ #เล็บเอกเสบ #เชลลูไลท์ #เชลลูไลท์ #ผมร่วง #รอยสิว #ริ้วรอย #ผมบาง #ตีนกา #ผมแห้งเสีย #ผิวหมองคล้ำ #ผิวหมองคล้ำ #ผิวขาว #ผิวขาว #ผิวดำ #ผิวดำ #ผิวแห้ง #ผิวแห้ง #ผิวเหี่ยว #ผิวเหี่ยว #StemCell #สเต็มเชลล์ #Itsaranuwat

ดู 15 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page